รูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม และรูปวงรี
รูปปิด รูปเปิด
-
รูปปิด หมายถึง
รูปที่มีเส้นลากจากจุดเริ่มต้นแล้วกลับมาที่จุดเดิม
-
รูปเปิด หมายถึง
รูปที่มีขอบเส้นลากจากจุดเริ่มต้นแล้วไม่วกกลับมาพบกับจุดเดิม
-
รูปสามเหลี่ยม
รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม และรูปวงรี เป็นรูปปิด
ลักษณะของรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม
รูปวงกลม และรูปวงรี เช่น
จากนั้น มาดูลักษณะของรูปปิด รูปเปิด
รูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม
และรูปวงรี เป็นรูปปิด โดยเป็นรูปที่มีเส้นลากจากจุดเริ่มต้นแล้วกลับมาที่จุดเดิม
มาดูตัวอย่าง ลักษณะของรูปสามเหลี่ยม
รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม และรูปวงรีที่เป็นสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ
ที่มีบางส่วนเป็นรูปเรขาคณิต เช่น นาฬิกา กล่อง กระจก หลังคาบ้าน เป็นต้น
ลักษณะของรูปสามเหลี่ยมและ รูปสี่เหลี่ยม
- รูปสามเหลี่ยม มีด้าน 3 ด้าน และมีมุม 3 มุม
- รูปสี่เหลี่ยม มีด้าน 4 ด้าน และมีมุม 4 มุม
จากนั้นเรามาดูลักษณะของรูปสามเหลี่ยมและ
รูปสี่เหลี่ยมกัน เช่น
จากนั้น มาดูตัวอย่างสิ่งของ
เครื่องใช้ต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยม เช่น
การเขียนรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม และรูปวงรี
โดยใช้แบบของรูป
โดยใช้แบบของรูป
การเขียนรูปเรขาคณิต ได้แก่ รูปสามเหลี่ยม
รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม และรูปวงรี อาจเขียนได้โดยการลากเส้นไปตามขอบของสิ่งที่นำมาเป็นแบบรูป
ดังนั้น เรามาดู ตัวอย่าง การเขียนรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม
รูปวงกลม และรูปวงรี โดยใช้แบบของรูป เช่น
การเขียนรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม และรูปวงรี
โดยใช้แบบของรูปเรขาคณิต
โดยใช้แบบของรูปเรขาคณิต
การเขียนรูปเรขาคณิต ได้แก่ รูปสามเหลี่ยม
รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม และรูปวงรี อาจเขียนได้โดยการลากเส้นไปตามขอบของสิ่งที่นำมาเป็นแบบรูป
การเขียนรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม
รูปวงกลม และรูปวงรี โดยใช้แบบของรูปเรขาคณิต อีกแบบหนึ่งเช่น
จากนั้น เรามาดู ตัวอย่าง การดูรูปเรขาคณิต
(รูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม และรูปวงรี) ที่กำหนดให้
มีแบบรูปเรขาคณิตใดบ้าง และมีกี่รูป
รูปทรงเรขาคณิต
ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม
และทรงกระบอก
รูปเรขาคณิตสามมิติจะมีความหนา
ซึ่งได้แก่
-
ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
คือ ลักษณะของรูปสี่เหลี่ยมที่เป็นสามมิติ
-
ทรงกลม
คือ ลักษณะของรูปวงกลมที่เป็นสามมิติ
-
ทรงกระบอก คือ
ลักษณะของรูปกระบอกที่เป็นสามมิติ
เมื่อเราทราบความหมายของรูปทรงเรขาคณิตแบบต่างๆ
แล้ว มาดูลักษณะของรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม และทรงกระบอกเช่น
รูปสี่เหลี่ยมมุมฉากกับทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ความแตกต่างระหว่างรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
กับทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก คือ
-
รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก เป็นรูปเรขาคณิตสองมิติไม่มีความหนา
โดยจะมีส่วนกว้างและส่วนยาว
-
ทรงสี่เหลี่ยมมุม เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีความหนา
โดยจะมีส่วนสูง ส่วนกว้าง และส่วนยาว
จากนั้น มาดูความแตกต่างระหว่างรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
และทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก เช่น กระดาษเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
และกล่องเป็นทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
รูปวงกลมกับทรงกลม
ความแตกต่างระหว่างรูปวงกลมกับทรงกลม
คือ
-
รูปวงกลม เป็นรูปเรขาคณิตสองมิติไม่มีความหนา
-
ทรงกลม เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีความหนา
มาดูความแตกต่างระหว่างรูปวงกลมกับทรงกลม
เช่น กระดาษเป็นรูปวงกลม และลูกบอลเป็นทรงกลม
แบบรูปของรูปเรขาคณิต
เป็นชุดของรูปเรขาคณิตที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
มีรูปร่างสัมพันธ์กัน มีสีสัมพันธ์กัน
เรามาทบทวนแบบรูปและความสัมพันธ์ของจำนวนกัน
ลองมาดูแผนภูมิแบบรูปและความสัมพันธ์ของจำนวน
เช่น แบบรูปจำนวนที่ลดลงทีละ 2
จากนั้น เรามาดู ตัวอย่าง แบบรูปของสิ่งของ
หรือรูปภาพที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น
จากตัวอย่าง
พิจารณาความสัมพันธ์ได้ดังนี้
ข้อ A พิจารณาความสัมพันธ์ของแบบรูปว่า
รูปที่ 1 เป็นรูปอะไร (ผึ้ง)
รูปที่ 2 เป็นรูปอะไร (หมี)
รูปที่ 3 เป็นรูปอะไร (กบ)
รูปที่ 4 เป็นรูปอะไร (สุนัข)
แล้วรูปที่ 5, 6, 7, 8, 9
และ 10 ซ้ำกับรูปที่ 1, 2, 3, 4 หรือไม่
สังเกตว่า รูปต่อไปจะซ้ำกันอีกหรือไม่
จะสรุปได้ว่า รูปที่ 1, 2, 3, 4
เป็นชุดของรูปที่มีรูปร่างสัมพันธ์กัน โดยเมื่อครบชุดแล้วต่อไป
จะซ้ำชุดเดิมไปเรื่อยๆ แล้วสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแบบรูปว่า
“ แบบรูปของเรขาคณิต
เป็นชุดของรูปเรขาคณิตที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใดอย่างหนึ่ง ” และบอกว่ารูปที่ขาดหายไป (รูปที่ 11) คือรูปอะไร
(รูปกบ)
ข้อ B พิจารณาความสัมพันธ์ของแบบรูปว่า
รูปที่ 1 เป็นรูปอะไร (สี่เหลี่ยม)
รูปที่ 2 เป็นรูปอะไร (วงรี)
รูปที่ 3 เป็นรูปอะไร (หกเหลี่ยม)
รูปที่ 4 เป็นรูปอะไร (สามเหลี่ยม)
แล้วรูปที่ 5, 6, 7
และ8 ซ้ำกับรูปที่ 1, 2, 3, 4 หรือไม่
สังเกตว่า รูปต่อไปจะซ้ำกันอีกหรือไม่
จะสรุปได้ว่า รูปที่ 1, 2, 3, 4
เป็นชุดของรูปที่มีรูปร่างสัมพันธ์กัน โดยเมื่อครบชุดแล้วต่อไป
จะซ้ำชุดเดิมไปเรื่อยๆ และบอกว่ารูปที่ขาดหายไป (รูปที่ 11) คือรูปอะไร (รูปหกเหลี่ยม)
เรามาดู รูปเรขาคณิต 2
มิติ กันนะคะ
:
อ้างอิง :
( 18 กันยายน
2556 )